ใครที่เกิดทันยุค 2000 และได้เป็นแฟนคลับของค่ายกามิกาเซ่ คงไม่มีใครที่จะไม่รู้จักวงเค-โอติกเป็นแน่ เพราะสมัยนั้น สาว ๆ กรี๊ดกันมาก ๆ และหนึ่งในคนที่สาวกรี๊ดมากที่สุดก็คือ เขื่อน-ภัทรดนัย เสตสุวรรณ โดยเมื่อไม่นานมานี้เขาก็ได้กลับเมืองไทย มาพร้อมกับ การเปิดตัวอย่างเป็นทางการว่าเขาเป็น Queer ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเพศทางเลือกที่อยู่เหนือกฎเกณฑ์ ที่ไม่กำหนดว่าจะต้องรักชายหรือหญิงเท่านั้น ซึ่งเราก็จะได้เห็นเขาแต่งตัวที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัวแบบผู้หญิง หรือผู้ชาย และในวันนี้เรามีเรื่องราวของเขาคนนี้มาฝากกันค่ะ
1. ความโด่งดังในการเป็นหนึ่งในสมาชิกของวงเคโอติก
เขานั้นได้เข้าวงการบันเทิงตั้งแต่ที่เขายังเป็นเด็ก และยังเป็นหนึ่งในวงนักร้องที่ประสบความสำเร็จอีกด้วย แต่แล้วเมื่อเขาได้อยู่ในวงการบันเทิงระยะหนึ่ง และก็ได้รู้ตัวว่าเขานั้นไม่มีความสุขอีกแล้ว และไม่เป็นตัวเองอีกด้วย ทำให้เขาต้องบินลัดฟ้าไปประเทศอังกฤษเพื่อเรียนรู้ด้านวิชาการ รวมถึงด้านการค้นหาตัวตนของเขาอีกด้วย
2. การกลับมาพร้อมทั้งการเป็นนักบำบัดทางจิตวิทยา
ในปัจจุบัน เขานั้นอยู่ในระหว่างการศึกษาปริญญาเอกด้านจิตวิทยาคลินิก โดยที่เขานั้นก็ได้ทำอาชีพเป็นผู้ให้คำปรึกษาทางจิตวิทยา ทั้งในระหว่างที่เขาเรียนปริญญาโท และแม้ว่าเขาจะกลับมาที่เมืองไทย เขาก็ยังทำหน้าที่นี้ และมีผู้เข้ารับปรึกษาที่ยังอยู่ในประเทศอังกฤษอีกด้วย นับว่าการกลับมาของเขาในครั้งนี้ เขานั้นเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก
3.เขานั้นรักแม่และพี่สาวเป็นอย่างมาก
ด้วยความรักที่เขามีให้แม่ และพี่สาวนี้ ทำให้เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เขากลับมาเมืองไทย เพื่อที่ว่าจะได้ดูแลพวกเขา ซึ่งเขาได้ เคยกล่าวไว้ว่าเขารักทั้งแม่ และพี่สาวมาก แม้ตายแทนก็ย่อมได้เลย โดยที่แม่ และพี่สาวของเขาได้เป็นแรงบันดาลใจหลัก ที่ทำให้เขา เลือกเดินในเส้นทางการเป็นผู้ที่ให้คำปรึกษาด้านจิตวิทยานี้อีกด้วย
4. จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นหลังจากที่เขาได้ไปเรียนที่ประเทศอังกฤษ
เขายอมรับว่าตอนที่เขาได้ไปอยู่อังกฤษนั้น เขานั้นได้ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟบ้าง หรือแม้กระทั่งล้างห้องน้ำ แต่เขาก็มีชีวิตที่ฟู่ฟ่า และมีความสุข และอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจในการยอมรับตัวเองนั้น เพราะสังคมของประเทศอังกฤษมีการเปิดกว้าง และมีการยอมรับเรื่องเพศ และความหลากหลายอย่างแท้จริง รวมทั้งทุกคนเคารพซึ่งกันและกัน ซึ่งนั่นก็เป็นจุดเปลี่ยน และทำให้เขามั่นใจ และยอมรับในตัวเองมากขึ้น
5. มุมมองของเขาต่อสังคม LGBT+Q ในประเทศไทย
เขานั้นถือว่าเป็นกระบอกเสียงหลักของการเปิดกว้างของการยอมรับในเพศสภาพของผู้อื่นอย่างแท้จริง ดังที่เราได้เห็นเขาปรากฏตามสื่อด้วยชุดเดรสสวย ๆ โดยที่การเพศสภาพในความคิดของเขานั้น ไม่ควรถูกปิดกั้น และไม่ควรที่จะถูกกลั่นแกล้งด้วยถ้อยคำ หรือการกระทำใด ๆ เลย ซึ่งเขาคิดว่าในประเทศไทยนั้นมีเพศสภาพที่หลากหลาย แต่ก็ยังมีผู้ที่ยึดติดกับการที่มีแต่เพศหญิง และเพศชายอยู่มาก ทำให้เขานั้นต้องประสบกับคำวิจารณ์ต่าง ๆ ในเชิงลบอยู่เสมอ
6. เหตุผลที่เขาอยากที่จะสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาเอก
นี่ก็คงเป็นเป้าหมายของใครหลาย ๆ คน โดยสาเหตุการที่เขานั้นอยากจะศึกษาในระดับปริญญาเอกนั้นคือ เขาต้องการทำให้ตัวเองเป็นที่เชื่อถือของผู้ที่มารับการช่วยเหลือจากเขา ทั้งปัจจุบัน และในอนาคต ซึ่งเขาเองนั้นก็ได้ทุ่มเทในการทำงานด้านนี้เป็นอย่างมาก และ ความฝันของเขาก็คือการเปิดคลินิกให้คำปรึกษาด้านจิตวิทยาในเมืองไทย