“สัตว์ประหลาดใต้ท้องทะเล” ถือว่าเป็นคำที่ไม่ได้เกินความจริงแต่อย่างใด เพราะเหล่านักวิทยาศาสตร์ และนักสำรวจใต้ท้องทะเลต่างก็เคยได้ประสบพบเจอ โดยมีภาพถ่ายเป็นหลักฐานยืนยันว่าสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลหลายชนิดที่เราหลายคนอาจไม่เคยเห็นหรือจะพูดว่าไม่อยากจะเห็นก็ว่าได้ เพราะหน้าตาของพวกมันไม่ได้น่าดูน่าชมเหมือนปลาการ์ตูนหรือโลมาที่ใครหลายคนอาจชอบกัน
วันนี้เราจึงอยากพาเพื่อน ๆ ไปท่องดู 8 สัตว์ทะเลสุดน่าสะพรึงที่อาจจะเคยเห็นมาบ้างในโทรทัศน์ แต่รับรองว่าไม่อยากจะเจอพวกมันในชีวิตจริงอย่างแน่นอน!
1. ปลาแองเกลอร์ หรือ ปลาตกเบ็ด นักล่าใต้แสงไฟ (Anglerfish)
เป็นปลาที่มีมากกว่า 200 ชนิด อาศัยอยู่ในน้ำลึกกว่า 200 เมตร มีลักษณะหัวที่ใหญ่ ฟันคม ลำตัวเป็นสีเทาเข้มจนถึงน้ำตาลเข้ม สามารถแยกเพศของมันได้ไม่ยาก เพราะจะมีเพียงเพศเมียเท่านั้นที่มีหน้าตาชวนขนหัวลุกแบบนี้ และจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของเพศเมียคือ บริเวณส่วนหัวจะมีส่วนของกระดูกสันหลังยื่นออกมาเหมือนเบ็ดตกปลา เรียกว่า เอสคา (esca) และสามารถเรืองแสงได้ด้วยแบคทีเรียที่ชื่อว่า Vibrio Fischeri ซึ่งเจ้าแสงนี้เองที่ทำหน้าที่เหมือนกับดักล่อเหยื่อเข้ามาใกล้
2. ปลาสตาร์เกเซอร์ นักล่าช็อตไฟฟ้า (Stargazer)
นับว่าเป็นปลาที่นอกจากจะใช้หน้าตาเป็นอาวุธแล้ว มันยังสามารถโจมตีเหยื่อด้วยการช็อตไฟฟ้าและพ่นพิษอีกด้วย ลักษณะของมันอาจไม่ใหญ่มากแค่ 45 เซนติเมตร เป็นปลาที่ไม่ได้อาศัยการโจมตีเป็นหลัก แต่จะอาศัยการตั้งรับอยู่ใต้พื้นทราย คอยรอเหยื่อให้เข้ามาใกล้ พอได้จังหวะมันก็จะพุ่งตะคลุบเหยื่ออย่างรวดเร็วภายในแค่เสี้ยววินาที ส่วนกระแสไฟของมันแม้จะไม่แรงมากแค่เพียง 50 โวลต์ แต่ก็สามารถทำให้เหยื่อมึนงงได้ นอกจากนี้ที่กระดูกสันหลังมันยังเต็มไปด้วยพิษ มันสามารถใช้พิษในการป้องกันนักล่าที่ตัวใหญ่กว่า และใช้โจมตีเหยื่อได้ด้วย
3. ปลามังกรดำ อสูรฝังเขี้ยว (Black Dragonfish)
เป็นปลาที่มีลำตัวยาวเรียวคล้ายงู แต่ยาวได้มากสุดแค่เพียง 40 เซนติเมตร แม้มันจะตัวเล็ก แต่ก็มีฟันที่แหลมคม และถ้าขยายขนาดเพิ่มสัก 10 เท่าก็สยดสยองเหมือนหลุดออกมาจากหนังไซไฟทดลองสัตว์ประหลาดจริง ๆ ปลามังกรเพศเมียจะมีขนาดใหญ่กว่าเพศผู้ถึง 2-3 เท่า และอาศัยอยู่ในน้ำลึกเพียง 500-800 เมตร ขณะที่ตัวผู้อาศัยอยู่ลึกกว่าที่ 1,000-2,000 เมตรเลยทีเดียว
4. ปลาหิน อสูรจอมพรางตัว (Stonefish)
เป็นปลาที่มักจะพรางตัวอยู่ตามโขดหินหรือก้นทะเล ทำให้ยากต่อการมองเห็น และแม้ลักษณะของมันจะคล้ายกับก้อนหินธรรมดา ๆ ทั่วไป แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในปลาที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก เพราะตามครีบแข็ง ๆ ของมันล้วนเต็มไปด้วยต่อมพิษที่พร้อมจะปล่อยออกมาใส่เหยื่อ ทำให้เกิดความเจ็บปวดอย่างรุนแรง บวม เนื้อเยื่อตาย และกระทบร้ายแรงต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกาย จนทำให้ผู้ที่ได้รับพิษเกิดอาการมึนงง เพ้อ หมดสติ และถึงขั้นเสียชีวิตได้
5. ปลาไวเปอร์ นักล่าจอมทรหด (Viper Fish)
เป็นปลาที่มีฟันยาว และคมราวกับเข็ม ลำตัวมีสีเขียวออกดำ ขนาดยาวประมาณ 30-60 เซนติเมตร อาศัยอยู่ในน้ำลึก 60-4,400 เมตร และมีอายุขัยยาวถึง 30-40 ปี แต่ส่วนใหญ่จะมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 15-30 ปีเท่านั้น เพราะจะตกเป็นเหยื่อของปลาฉลาม และโลมาซะก่อน แม้มันจะมีหน้าตาที่ไม่ค่อยเป็นมิตรเหมือนปลาปิรันย่า แต่มันก็นับว่าเป็นปลาสายดักสุ่มที่มักจะพรางตัวเข้ากับสภาพแวดล้อม และอดทนรอเหยื่อให้เข้ามาใกล้เองได้ถึงหลายชั่วโมง
6. ปลาแลมป์เพรย์ จอมกระหายเลือด (Lamprey)
เป็นปลาที่มีลำตัวยาวคล้ายปลาไหล ด้านหลังมีสีดำ มีครีบหลังและครีบหาง ไม่มีเกล็ด ปากเป็นทรงกลมไว้สำหรับดูด ไม่มีขากรรไกร และภายในมีฟันซี่เล็ก ๆ จำนวนมาก
มันจัดว่าเป็นปรสิตประเภทหนึ่งที่มักจะไปเกาะตามลำตัวปลาชนิดอื่น ๆ ที่มีขนาดใหญ่กว่า โดยมันจะใช้ปากเกาะเหยื่อ และใช้ฟันครูดเนื้อออกเพื่อให้เกิดเลือดไหล จากนั้นร่างกายของมันจะสร้างสารป้องกันการตกตะกอนของเลือดและส่งไปยังปากแผลของเหยื่อ มันจะค่อย ๆ สูบเลือดของเหยื่อราวกับแวมไพร์ จนเหยื่อแห้งตายไปเอง
7. หนอนบ๊อบบิท นักล่าไร้ความปราณี (Bobbit Worm)
นับเป็นสิ่งมีชีวิตหน้าตาประหลาดที่จัดอยู่ในกลุ่มของไส้เดือนทะเล มีขนาดเฉลี่ย 1 เมตร และยาวได้สูงสุดถึง 3 เมตร พบได้ในเขตทะเลอุ่นที่มีความลึกราว 150 เมตร มันเป็นนักล่าที่อาศัยอยู่ใต้ก้นทะเลที่มีลักษณะเป็นทราย โดยเวลาล่าเหยื่อมันจะฝังตัวอยู่ในพื้นทรายและโผล่แค่ส่วนหัวออกมาเท่านั้น หากมีเหยื่อผ่านมา มันก็จะรีบพุ่งใส่แบบที่เหยื่อไม่ทันตั้งตัว นอกจากนี้มันสามารถพ่นพิษ และฉีกเหยื่อออกเป็นสองท่อนได้ง่าย ๆ ด้วยเขี้ยวอันแหลมคม ทั้งยังสามารถล่าเหยื่อที่มีขนาดใหญ่กว่ามันได้ถึง 2 เท่าเลยทีเดียว
8. ปลาบล็อบ หน้าบึ้ง (Blobfish)
มีลักษณะกลมคล้ายลูกโป่ง ตาสีดำ ลำตัวมีสีเทาอมชมพู และเรียวถึงหางเหมือนลูกอ๊อด ยาวไม่เกิน 30 เซนติเมตร อาศัยอยู่ในมหาสมุทรที่มีความลึก 600-1,200 เมตร และด้วยความกดอากาศที่มากกว่าแผ่นดินที่มนุษย์เราอาศัยอยู่ถึง 100 เท่า ทำให้ลักษณะตัวของมันคล้ายก้อนเจลลาตินที่สามารถปรับตัวตามสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปได้ แต่เมื่อมันถูกจับขึ้นมาสู่ผิวน้ำ เนื้อเยื่อที่คล้ายเจลลาตินจะยุบหรือย้อยตัวแบบไร้โครงสร้างแบบแมงกะพรุน และทำให้จมูกกับปากดูย้อย และใหญ่ขึ้นจนน่าเกลียด
ด้วยลักษณะที่ดูอ้วนเทอะทะทำให้มันเคลื่อนที่ได้ช้า จึงอาศัยการกินซากและอาหารที่ลอยอยู่ในน้ำเช่น ครัสเตเชียนหรือเศษอินทรีย์วัตถุ