Site stats ความก้าวหน้าของการผลิตวัคซีนโรคโควิด-19 จาก 6 บริษัทชั้นนำของโลก – Brain Berries

ความก้าวหน้าของการผลิตวัคซีนโรคโควิด-19 จาก 6 บริษัทชั้นนำของโลก

Advertisements

เป็นเวลากว่าเกือบหนึ่งปีแล้วที่เชื้อไวรัสโคโรน่า หรือโรคโควิด 19 ที่คร่าชีวิตคนทั้งโลกไปมากมาย และเป็นสาเหตุที่ทำให้ การเดินทางของผู้คนทั้งโลกต้องหยุดชะงักลง และทำให้เศรษฐกิจของทั้งโลกต้องตกอยู่ในวิกฤตอีกครั้ง ยังไม่รวมถึงการใช้ชีวิตของผู้คนที่จะต้องเปลี่ยนแปลงไปมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการใส่หน้ากากอนามัย และลดการพบปะสังสรรค์กันไปอย่างยาวนาน ทำให้หลาย ๆ คนอาจจะต้องเจอกับสภาวะซึมเศร้าตามมาได้ แต่ในเรื่องร้าย ๆ ก็ยังมีเรื่องดี ๆ เสมอ เนื่องจากทางบุคลากรทางการแพทย์ และบริษัทยาต่าง ๆ ก็ทำงานกันอย่างหนักเพื่อที่จะรับมือ และค้นคว้าหาวัคซีนที่จะใช้ในการรักษาโรค และเราก็เริ่มที่จะได้รับข่าวดีจากหลาย ๆ บริษัทว่าวัคซีนที่คิดค้นขึ้นนั้น ได้รับการอนุมัติในระยะต่าง ๆ แล้ว และในบทความนี้ก็จะมานำเสนอความก้าวหน้าของการผลิตวัคซีนโรคโควิด-19 จาก 6 บริษัทชั้นนำของโลกกันค่ะ

1. วัคซีนจากบริษัทไฟเซอร์ไบโอเอ็นเทค

จากจำนวนของวัคซีนที่กำลังผลิตทั้งหมด วัคซีนที่เป็นความร่วมมือจากบริษัทไฟเซอร์ และนักวิจัยจากไบโอเอ็นเทคจากประเทศสหรัฐอเมริกา ถือว่าเป็นวัคซีนที่มีความก้าวหน้าสูงที่สุด เพราะได้ผ่านการอนุมัติระยะที่ 3 คือการที่ได้ลองฉีดให้กับอาสาสมัครจำนวนกว่า 1,000 คนแล้ว ผลที่ได้มีประสิทธิภาพสูงถึง 95% ซึ่งนับว่าเป็นวัคซีนที่ได้รับความประสบความสำเร็จสูงสุดในตลาดแล้ว ซึ่งวัคซีนจากบริษัทไฟเซอร์ได้ถูกอนุมัติให้ใช้ในหลาย ๆ ประเทศ รวมถึงได้เป็นวัคซีนฉุกเฉินที่สามารถฉีดให้กับผู้ป่วยที่มีอาการฉุกเฉินในสหรัฐอเมริกา ซึ่งวัคซีนนี้จะมี 2 เข็ม โดยฉีดเว้นระยะห่างกัน 3 สัปดาห์

2. วัคซีนจากบริษัทโมเดอร์น่า

บริษัทยาที่มีฐานการผลิตอยู่ที่เมืองบอสตัน แห่งประเทศสหรัฐอเมริกานี้ ก็ได้มีการผลิตวัคซีน และได้รายงานผลที่มีประสิทธิภาพสูงที่ 94% ซึ่งเป็นรองจากวัคซีนจากบริษัทไฟเซอร์เพียงเล็กน้อย วัคซีนจากบริษัทโมเดอร์น่านี้ ปัจจุบันผ่านการทดสอบในระยะ 3 แล้ว และอยู่ในขั้นตอนที่รอการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐ โดยวัคซีนนี้ยังไม่ได้ออก สู่ตลาด ซึ่งคาดว่าจะถูกเริ่มแจกจ่ายในช่วงเดือนมกราคมของปี 2021 นี้ โดยวัคซีนของบริษัทโมเดอร์น่านี้จะมี 2 เข็ม และเว้นระยะห่างจากการฉีดครั้งแรกเป็นเวลา 4 สัปดาห์

3. วัคซีนสปุตนิค 5

วัคซีนสัญชาติรัสเซียนี้ ได้มีการรายงานผลประสิทธิภาพสูงถึง 92% โดยเป็นการร่วมมือของสถาบันวิจัยกามาเลยา และกระทรวงสาธารณสุขของประเทศรัสเซีย ซึ่งมีการเริ่มการทดลองกับกลุ่มทหารก่อนเป็นกลุ่มแรก และได้ผลตอบรับค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ และในปัจจุบัน เริ่มมีการแจกจ่ายในกลุ่มประเทศรัสเซียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยการใช้งานของวัคซีนนี้จะมี 2 เข็ม และระยะห่างในการฉีดเข็มที่ 1 และ 2 คือ 3 อาทิตย์

4. วัคซีนจากบริษัทคานซิโน ไบโอ

วัคซีนนี้เป็นการวิจัยจากบริษัทคานซิโน ไบโอโลจิกส์ของประเทศจีน ซึ่งยังไม่มีการรายงานผลประสิทธิภาพของวัคซีนนี้ และความก้าวหน้าของการผลิตวัคซีนตัวนี้คือ ระยะที่ 3 หรือเฟส 3 ที่มีการฉีดให้กับอาสาสมัครกว่าพันคน โดยจีนเริ่มจากกลุ่มอาสาสมัครในกองทัพ และในปัจจุบัน วัคซีนจากบริษัทคานซิโน ไบโอนี้ ก็ได้รับการอนุมัติให้ใช้เป็นกรณีฉุกเฉินในประเทศจีน

5. วัคซีนจากซิโนฟาร์ม

วัคซีนนี้เป็นผลงานวิจัยของบริษัทซิโนฟาร์ม ของทางการประเทศจีน ซึ่งมีการรายงานผลประสิทธิภาพของวัคซีนนี้คือ 86% และจากอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนตัวนี้ ก็ไม่ได้แสดงผลข้างเคียง และไม่มีการสร้างโปรตีนต่อต้านเชื้อโรคในร่างกายของอาสาสมัครซึ่งเป็นที่น่าพอใจ โดยวัคซีนตัวนี้มีทั้งหมด 2 เข็ม และมีระยะห่างในการฉีดเข็มแรก และเข็มที่สองคือ 3 อาทิตย์ ปัจจุบันวัคซีนตัวนี้ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในกลุ่มประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเป็นวัคซีนฉุกเฉินในประเทศจีน

6. วัคซีนจากแอสตราเวเนกา และมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด

วัคซีนนี้เป็นความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด และบริษัทสัญชาติสวีเดน-อังกฤษอย่าง แอสตราเวเนกา และเป็นวัคซีนจากบริษัทเดียวที่ประเทศไทยของเราสั่งจองเป็นจำนวน 26 ล้านโดส ซึ่งความก้าวหน้าของวัคซีนตัวนี้อยู่ที่การทดลองระยะที่ 3 และมีประสิทธิภาพสูงถึง 90% และวัคซีนตัวนี้คาดว่าจะสามารถส่งให้ประเทศไทยได้ประมาณเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ในปี 2021 นี้