Site stats 6 เรื่องราวเกี่ยวกับน้องเทนนิส-พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ – Brain Berries

6 เรื่องราวเกี่ยวกับน้องเทนนิส-พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ

Advertisements

จากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค โตเกียวเกมส์ 2020 ครั้งที่ผ่านมา ประเทศไทยของเราก็ได้รู้จักกับชื่อของน้องเทนนิส-พาณิภัค ในฐานะฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิคคนเดียวของประเทศไทยในการแข่งขันในครั้งนี้ และเธอก็ทำให้ชาวไทยได้รับข่าวดีบ้าง หลังจากที่เราต้องเผชิญกับการระบาดอีกครั้งของสถานการณ์โควิด และในบทความวันนี้ พวกเรามี 6 เรื่องราวเกี่ยวกับน้องเทนนิส-พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ มาฝากกันค่ะ

  1. เธอเป็นคนสุราษฎร์ธานี

น้องเทนนิสเกิดและเติบโตที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยปัจจุบัน เธอมีอายุ 24 ปี และพ่อแม่ของเธอตั้งชื่อว่าเทนนิส เนื่องจากเธอมีพี่น้อง 3 คน และพี่ๆของเธอนั้นก็มีชื่อเป็นกีฬา ได้แก่ โบว์ลิ่ง และเบสบอล ดังนั้นเพื่อให้คล้องจองกับพี่ๆ พ่อแม่ของเธอจึงตั้งชื่อเธอว่า เทนนิส

  1. เธอเป็นตัวอย่างที่ดีในด้านการศึกษา

นอกจากที่น้องเทนนิสจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนรุ่นใหม่ ในการหันมาเล่นกีฬามากขึ้น โดยเฉพาะกีฬาเทควันโดแล้วนั้น เธอยังขยันเรียนอีกด้วย โดยเธอจบการศึกษาระดับปริญญาตรี จากคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกำลังอยู่ในการศึกษาต่อในระดับปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยากรุงเทพธนบุรี

  1. การเริ่มฝึกฝนเข้าเป็นนักกีฬาเทควันโด

เธอเริ่มฝึกกีฬาเทควันโดตั้งแต่เมื่อเธอมีอายุได้ 9 ปี โดยที่เธอนั้นได้แรงบันดาลใจมาจากพี่ของเธอนั่นเอง และด้วยความสามารถที่โดดเด่น เธอจึงติดทีมชาติตั้งแต่ที่เธอมีอายุเพียง 13 ปีเพียงเท่านั้น และด้วยหุ่นที่สูง และความสามารถของเธอ ทำให้โค้ชเชทาบทามเธอมาให้ฝึกกับเขาอย่างจริงจังตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

  1. เจ้าของรางวัลระดับโลก

นอกจากที่เธอจะคว้าเหรียญทองจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคในครั้งนี้ ก่อนหน้านี้เธอยังสามารถชนะที่ 1 ในการแข่งขันกีฬาเทควันโดโลก จึงนับได้ว่าน้องเทนนิสเป็นนักกีฬาเทควันโดมือหนึ่งของโลกเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ ไม่ว่าจะมีการแข่งขันกีฬาระดับชาติกี่ครั้ง เธอก็ทำผลงานที่เป็นที่น่าประทับใจเสมอ

  1. ชัยชนะท่ามกลางความกดดัน

ก่อนที่เธอจะเข้าแข่งขันรอบชนะเลิศ เธอได้กล่าวว่าเธอมีทั้งความกดดัน และความเครียด ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการที่เธอฝึกซ้อมเป็นอย่างหนัก และในการซ้อมแต่ละครั้ง ก็ใช้แรงกายที่มาก ทำให้เธอหิว และกินเยอะ ทำให้เธอเสี่ยงที่จะน้ำหนักเกินเกณฑ์อยู่หลายๆครั้ง แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี เนื่องจากเพื่อนร่วมทีมของเธอได้ให้กำลังใจเธอเป็นอย่างดี

  1. ติดยศเป็นเรืออากาศตรีหญิง

หลังจากที่เธอนั้นกลับมาเมืองไทยอย่างสวัสดิภาพ และการต้อนรับที่อบอุ่นของกองเชียร์ และครอบครัวของเธอเอง นอกเหนือจากเงินอัดฉีดที่เธอได้รับแล้ว ทางกองทัพอากาศไทยยังติดยศให้เธอเป็น เรืออากาศตรีหญิงพาณิภัค วงศ์พัฒนกิจอีกด้วย