ในนาทีนี้ คงไม่มีเรื่องไหนที่เราควรติดตามได้มากกว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ ไวรัสโควิด-19 หรือไวรัสโคโรนา ที่กำลังระบาดอยู่ทั่วโลกอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากเป็นเชื้อไวรัสนี้ สามารถติดต่อจากคนสู่คน ได้อย่างง่ายดาย และทำให้ระบาดกันอย่างเป็นวงกว้าง และปัญหาที่ยังคงมีในปัจจุบันคือ เนื่องจากโรคนี้เป็นโรคระบาดที่ใหม่มาก ดังนั้น จึงมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโรคนี้ค่อนข้างน้อย ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็น ที่เราควรที่จะมีความรู้ความเข้าใจกับโรคนี้ให้มาก เพื่อจะได้หาทางป้องกันตัวของคุณได้อย่างถูกต้อง แต่เหนือสิ่งอื่นใด การรับรู้ข่าวสารต่างๆ ก็ต้องมีการสังเคราะห์ ว่าเรื่องไหนที่ควรเชื่อ หรือเรื่องไหนที่เกินจริง ซึ่ง 6 ความเชื่อเหล่านี้ ยังไม่ได้เป็นข้อสรุปอย่างชัดเจน ว่าเป็นจริงหรือไม่ แต่แต่ละข้อนั้น ฟังดูอาจจะเกินความเป็นจริงอยู่มาก ซึ่งท่านควรใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจเชื่อ
เชื้อโควิดเป็นสิ่งที่ทางการสหรัฐฯวางแผนไว้ก่อนหน้านี้แล้วเพื่อควบคุมปริมาณประชากรเพราะทางรัฐบาลกำลังถังแตกและยังมีบุคคลชื่อดังเกี่ยวข้องด้วย
ข้อสังเกตนี้เกิดขึ้น เนื่องจากที่ บิล เกตต์ เจ้าพ่อแห่งบริษัทไมโครซอฟท์ ได้พูดในรายการ TED Talk เมื่อ 5 ปีก่อน ว่าโลกของเรามีสถานะที่ไม่พร้อม ในการรับมือกับโรคระบาดที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่นานมานี้ และหลังจากที่เขาพูด 5 ปี้ให้หลัง ก็เกิดเชื้อโรคระบาดโควิดนี้ขึ้น ซึ่งก็ตรงกับระยะเวลาที่เขากล่าวไว้อย่างแม่นยำ ซึ่งคลิปการพูดของเขาในครั้งนั้น ก็กลับมาเป็นไวรัลอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ซึ่งแทนที่ผู้คนจะคระหนักในสิ่งที่บิลล์ เกตต์ ได้เคยเตือนไว้เมื่อหลายปีก่อน แต่ก็มีคนบางกลุ่ม ได้โยงว่า การระบาดของเชื้อไวรัสโควิดนี้ เป็นภารกิจลับที่ถูกวางแผนมาไว้มานานแล้ว เพื่อแก้ไขกับการบริหารราชการที่ล้มเหลว โดยเฉพาะเรื่องการเงิน ที่คาดกันว่าจะมีไม่เพียงพอ ต่อการจ่ายค่าสวัสดิการแก่ผู้เกษียณ เพราะพวกเขาสังเกตว่า โรคร้ายนี้ ได้มุ่งเป้าไปยังประชากรวัยหลังเกษียณ ซึ่งข้อสังเกตนี้ คงต้องอาศัยวิจารณญาณของท่านแล้ว ว่าสามารถเชื่อได้มากน้อยแค่ไหน
ในความเป็นจริงแล้วเรามีวัคซีนรักษาโรคโควิดแต่ทางการยังปิดบังอยู่
ในช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมานี้ มีโพสหนึ่ง ที่ถูกส่งต่อกันอย่างมากมายในเฟสบุค ซึ่งกล่าวอ้างว่า จริงๆแล้ว เราค้นพบวัคซีนที่สามารถรักษาโรคโควิดนี้สำเร็จแล้ว โดยพัฒนามาจาก วัคซีนต้นแบบของเชื้อ ซาร์ส ที่เคยระบาดในประเทศฮ่องกงเมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมา แต่ทางการยังปิดบังอยู่ เพราะต้องการที่สร้างมูลค่า และต่อรองราคา เพื่อสร้างความมั่งคั่งให้แก่บริษัทยังไม่ลงตัว ซึ่งในความเชื่อนี้ ทางนักวิทยาศาตร์จากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮ๊อบกินส์ จากสหรัฐฯ ได้ออกมากล่าวอย่างเป็นทางการแล้ว ว่าไม่เป็นความจริง
อันตรายจากไวรัสโควิดยังน้อยกว่าไข้หวัดใหญ่
คำพูดนี้ หลายคนคงจำได้ดีว่ามาจากใคร ดังนั้นควรเป็นอุทธาหรณ์ ว่าสิ่งที่ผู้ที่มีอำนาจในบ้านเมืองพูด มีผลต่อแนวคิดของคนหมู่มาก เพราะก่อนที่โรคจะระบาดอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของไทย หรือแม้กระทั่ง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ได้กล่าวประโยค ซึ่งมีความหมายประมาณว่า โรคโควิด อันตรายน้อยกว่าไข้หวัดใหญ่ จึงทำให้คนในประเทศละเลย และไม่ได้ป้องกันตัว ทำให้เป็นสาเหตุหนึ่งของการบานปลายของโรคนี้อย่างหนัก
เชื่อกันว่าแค่เครื่องเป่ามือก็สามารถฆ่าเชื้อโควิดได้
เคยมีผู้กล่าวว่า การที่ล้างมือด้วยน้ำเปล่า และเป่าด้วยความร้อน ก็จะสามารถฆ่าเชื้อโควิดตายได้แล้ว ซึ่งก็พิสูจน์ให้เราได้เห็นแล้วว่า ความร้อน ไม่ได้ทำให้เชื้อโควิดตายเลย เพราะอากาศร้อนระอุของประเทศไทยเรา ก็ยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อแบบก้าวกระโดดอยู่ทุกวัน และยังมองไม่เห็นจุดจบ ดังนั้นวิธีการฆ่าเชื้อโรคที่ได้ผลคือการล้างมือด้วยสบู่ เนื่องจากโครงสร้างของเชื้อไวรัส ที่มีส่วนประกอบไขมันเป็นส่วนใหญ่ จึงถูกทำลายได้ด้วยฟอสเฟตจากสบู่ คุณจึงควรฟอกสบู่อย่างทั่วถึงประมาณ 30 วินาที แล้วจึงล้างมือให้สะอาด หลังจากนั้นจะใช้เครื่องเป่ามือก็ได้ แต่หากใช้แต่เครื่องเป่ามือ โดยปราศจากสบู่แล้ว ก็ไร้ประโยชน์
เชื้อโควิดเกิดมาจากการพฤติกรรมการกินค้างคาวของชาวอู่ฮั่น
พวกเราก็เชื่อว่า ก็ยังมีบางคนที่ยังเชื่อว่า โรคโควิด มาจากเมนูเปิบพิสดารของชาวอู่ฮั่น เพราะช่วงแรกของการระบาดนั้น มีการแชร์รูปหญิงสาวที่กำลังมีความสุขกับการทานซุปค้างคาว และบังเอิญที่ว่า เชื้อของโรคโควิดนี้ ก็มีสารพันธุกรรมที่คล้ายกับโรคซาร์ส ที่เคยระบาดเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งนั่นก็เชื่อกันว่าเกิดจากค้างคาวเช่นกัน ซึ่งจริงๆแล้ว นักวิทยาศาสตร์ยังไม่ได้มีการสรุปอย่างชัดเจน ว่าโรคนี้เกิดจากการกินซุปค้างคาวหรือไม่ แต่สิ่งที่เป็นไปได้คือ มีค้างคาวเป็นพาหะนำเชื้อ เพราะวิวัฒนการเกิดขึ้นตลอดเวลาได้อยู่แล้ว ซึ่งโดยปกติ มนุษย์เรา ก็มักจะคิดค้นยาฆ่าเชื้อ เพื่อกำจัดไวรัส ดังนั้นจึงไม่แปลกเลย ที่จะเป็นต้นเหตุของการวิวัฒนาการของเชื้อในครั้งนี้
เชื้อโรคนี้จะหมดไปเมื่อก้าวสู่ฤดูร้อน
เราก็เฝ้ารอกันอยู่ว่า ความเชื่อนี้จะเป็นจริงหรือไม่ เพราะก็มีคนบางกลุ่มที่เชื่อว่า ความร้อนสามารถฆ่าเชื้อโควิดได้ จึงมีความหวังว่า เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว เชื้อโควิดก็จะตายไปเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น จากการที่เราสังเกตประเทศไทย ที่อยู่ในเขตร้อน และในช่วงนี้ที่เกิดการระบาดอย่างหนัก อากาศบ้านเราก็ร้อนเหลือทน ดังนั้นความเชื่อนี้ ที่ชาวต่างชาติหวังกัน แลดูเหมือนจะเป็นความหวังที่ริบหรี่