“กบ–พิมลรัตน์พิศลยบุตร” นับว่าเป็นตำนานนางเอกของไทยที่โลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงมาตั้งแต่อายุเพียง 14 ปี หลายคนให้ฉายาเธอว่าเป็นนางเอกหน้าไทย ที่มีความงดงามถึงขั้นสุดในชุดผ้าไหมไทยที่ทำให้ทุกคนต้องติดตาตรึงใจมาจนถึงทุกวันนี้
กบ–พิมลรัตน์ นับเป็นหนึ่งในดารานักแสดงที่โด่งดังเป็นพลุแตกตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่องแรกที่แสดง และเรื่องนั้นก็คือ “สุริโยทัย” ด้วยความเป็นกุลสตรีและหน้าตาอย่างไทยของเธอ ทำให้เหล่าผู้ชมรู้สึกอินในบทบาทนี้ และทำให้เธอมีผลงานแสดงเพิ่มขึ้นอีกมากมาย เช่น ปลายเทียนสายโลหิตลอดลายมังกรทองเนื้อแท้ผู้ชนะสิบทิศ
วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักวัยเด็กและเรื่องราวความรักของสาวสวยคนนี้ให้มากขึ้นจากบทสัมภาษณ์ที่เธอได้ไปออกในรายการ Club Friday Show จากเด็กที่ถูกคุณอาเลี้ยงดูมาอย่างเข้มงวดตามวิถีกุลสตรีไทย แต่กลับโดนหนุ่มมาดเซอร์ในกองถ่ายขยี้ใจอย่างแรง และการเลิกรากันของรักครั้งแรกกลายเป็นปมใจในเธอมาตลอด
จากครอบครัวที่มีพี่น้องทั้งหมด 6 คน และมีคุณพ่อที่เป็นนักธุรกิจในต่างประเทศ แต่วันหนึ่งที่คุณพ่อของเธอประสบปัญหาทางธุรกิจ ทำให้ตัวเธอและพี่น้องต่างถูกจับแยกกันตั้งแต่เธอยังอยู่เพียงชั้นอนุบาล และตัวเธอเองถูกส่งไปให้ทางคุณอาของฝ่ายพ่อเป็นผู้เลี้ยงดู คุณอาของเธอนับว่าเป็นคนที่เข้มงวดกับเธอแทบจะในทุกเรื่อง ทั้งห้ามกินขนม ห้ามดูทีวี ห้ามเดินเสียงดัง และหากผู้ใหญ่นั่งอยู่ก็ต้องคลานเข่าเข้าไปหา จนในที่สุดเมื่อเธออยู่ประมาณชั้นประถมสาม เธอขอร้องให้แม่พาเธอหนี ซึ่งแม่ก็พาเธอหนีไปจริงๆ และได้ปล่อยให้เธอได้ใช้ชีวิตอย่างที่เด็กธรรมดาๆ คนหนึ่งควรจะมี
วันหนึ่งในวัยย่างเข้า 14 เธอและพี่สาวได้ไปเที่ยวในสถานที่ที่ห้ามไม่ให้เด็กเข้า เธอได้ไปพบกับพี่ยี้ น้องชายภรรยาท่านมุ้ย บอกว่ากำลังหานางเอกเรื่องสุริโยทัย และให้เธอลองไปแคสดู เพราะเห็นหน้าไทยๆ ทั้งด้วยความสวย รูปร่างที่สูงโปร่งและความสามารถในการแสดงก็ทำให้เธอได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ และเมื่อภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่องนี้ออกฉายสู่สายตาประชาชนในสามปีให้หลัง ชื่อและหน้าตาของเธอก็กลายเป็นที่ตรึงตาและตรึงใจของชาวไทยมาจนถึงทุกวันนี้
หลังจากนั้น เธอได้รับโอกาสในการแสดงละครเรื่องแรก ปลายเทียนละครเรื่องนี้ทำให้เธอได้เจอกับรักครั้งแรกที่จะทำให้เธอต้องจดจำไม่มีวันลืม และมันจะกลายเป็นปมใจในเธอตลอดมา
น่าแปลกที่สาวสวยหน้าไทยอย่างเธอจะกลับไปตกหลุมรักหนุ่มที่มีภาพลักษณ์ขั้วตรงข้ามอย่างสุดขีด ทั้งมาดเซอร์ พูดจาแบบขวานผ่าซาก แต่กลับทำให้เธอรู้สึกโดนใจมาก ยิ่งเวลาเห็นแผ่นหลังก็จะยิ่งรู้สึกสปาร์ก ยิ่งทำให้เธอรู้สึกใจเต้นเหมือนสาวๆ วัยแรกรุ่น รักครั้งนี้แม้จะได้รับเสียงห้าม
ปรามจากคุณพ่อคุณแม่ แต่นี้เป็นตัวเธอ ชีวิตของเธอเอง เธอจึงขอว่าปล่อยให้เธอได้ใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการได้ไหม 3 ปีผ่านไป ในท้ายที่สุด ด้วยความเป็นวัยรุ่นไฟแรงของฝ่ายชาย และยากที่เธอจะต้องฝืนธรรมชาติของตัวเองเพื่อตามง้อยอแย จึงต้องปล่อยเขาไปในที่สุด
จากรักครั้งแรกที่จบไม่สวยอย่างในละคร มันกลายเป็นปมที่ทำให้เธอรู้สึกด้อยค่าตัวเอง “และหากจะมีรักครั้งใหม่ จะไม่ขอรักคนที่เรารักอีกต่อไป ขอคนที่เขารักเราดีกว่า”
ทีนี้มาเจอกับรักครั้งที่สอง เธอบอกเลยว่าชายคนนี้เป็นคนที่ดีมาก เป็นสุภาพบุรุษครบทุกอย่าง ไปรับไปส่งเธอให้ไปทำโน่นนี่ แต่จากการช้ำรักครั้งเก่าทำให้เธอสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ยอมกลับไปเจ็บอีก และการป้องกันตัวเองคือเธอจะไม่ยอมให้ใจไปเต็มร้อย ไม่เห็นคุณค่าสิ่งดีๆ ที่เขาทำให้เธอ และด้วยชื่อเสียงด้วยอะไรต่างๆ นานา ทำให้เธอรู้สึกว่าโลกต้องหมุนรอบเธอเท่านั้น ยอมรับเลยว่าตอนนั้นเป็นคนที่เอาแต่ใจสุดๆ พอถึงจุดหนึ่งเลยทำให้ฝ่ายชายรู้สึกเหนื่อยเกินกว่าที่จะรับมือกับคนอย่างเธอ เขาจึงเป็นฝ่ายเดินจากเธอไป
ผ่านไป 10 ปีกับชีวิตโสด เธอก็ได้มาพบกับความรักรุ่นใหญ่ครั้งใหม่กับฝ่ายชายที่เป็นนักธุรกิจ เธอจริงจังถึงขั้นแต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกัน แต่ด้วยสไตล์และบุคลิกที่ต่างกันค่อนข้างเยอะ อย่างเช่น ฝ่ายชายทานข้าวเร็ว ขึ้นลงเครื่องบินก็ต้องรวดเร็วตลอด ทำให้เธอต้องพยายามปรับตัว
และจากที่เธอเป็นนักแสดงมาก่อน เธอมักจะโพสต์กิจกรรมที่ตัวเองทำผ่านโซเชียลมีเดียอยู่ตลอด ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ฝ่ายชายส่ายหัวเลยและขอว่าให้หยุดทำได้ไหม ตัวเธอบอกว่าเธอยอมทำทุกอย่างให้เขาหมดแล้ว มีแค่สิ่งนี้แหละที่เธอจะขอทำเพื่อตัวเองบ้าง จนในช่วงหลังๆ ฝ่ายชายบ่นตลอดว่าเวลาอยู่กับเธอแล้วไม่มีความสุข บอกว่าเครียดเวลาอยู่กับเธอ และเมื่อฟางเส้นสุดท้ายได้ขาดลง เขาจึงขอยุติความสัมพันธ์กับเธอที่มีมาตลอด 9 ปีที่ผ่านมา แม้จะเป็นเรื่องที่น่าเศร้า เพราะที่ผ่านมาเธอก็รักเขา มองเขาว่าเป็นต้นแบบที่ดี แต่อีกใจหนึ่งเธอก็รู้สึกเป็นอิสระ เหมือนได้หลุดจากโซ่ที่พันธนาการเธอมานานหลายปี และในตอนนี้เธอจะได้กลับมาทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการซะที