จะวิ่งดี หรือเดินดีกว่ากัน? คำตอบจากผู้เชี่ยวชาญ
เวลาพูดถึงการออกกำลังกาย หลายคนมักตั้งคำถามว่า “จะวิ่งดี หรือเดินดีกว่ากัน?”
เพราะทั้งสองแบบดูเหมือนง่าย แต่ผลลัพธ์กลับต่างกันอย่างไม่น่าเชื่อ
ผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศอธิบายว่า ทั้ง “การวิ่ง” และ “การเดิน” ต่างก็มีข้อดีในแบบของตัวเอง
เพียงแต่จะเหมาะกับคนละเป้าหมายและระดับความฟิตของร่างกาย

วิ่ง: เบิร์นแรง ฟื้นฟูไว
หากคุณต้องการเผาผลาญไขมันเร็ว ๆ การ “วิ่ง” คือคำตอบที่เห็นผลไวกว่า
การวิ่ง 30 นาทีสามารถเบิร์นได้เฉลี่ยประมาณ 300 กิโลแคลอรี
ในขณะที่การเดิน 60 นาทีเผาผลาญได้ราว 200 กิโลแคลอรีเท่านั้น
อีกจุดเด่นของการวิ่งคือ “Afterburn Effect” หรือการเผาผลาญพลังงานต่อเนื่องหลังออกกำลังกาย
ร่างกายจะยังคงทำงานเผาผลาญได้นานถึง 12–48 ชั่วโมง แม้คุณจะนั่งพักอยู่บนโซฟาแล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตาม การวิ่งมีแรงกระแทกสูง โดยเฉพาะบริเวณหัวเข่าและข้อเท้า
ใครที่มีน้ำหนักตัวมาก หรือเคยบาดเจ็บมาก่อน ควรเริ่มจากการเดินหรือจ็อกกิ้งเบา ๆ จะปลอดภัยกว่า

เดิน: ปลอดภัย ยั่งยืน และเหมาะกับทุกวัย
อย่ามองข้ามพลังของ “การเดิน” เพราะแม้จะไม่เร้าใจเท่าวิ่ง แต่ดีต่อหัวใจและหลอดเลือดอย่างยิ่ง
การเดินเร็ววันละหนึ่งชั่วโมงช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต เพิ่มความยืดหยุ่นของหลอดเลือด
ลดความดันโลหิต และเหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นออกกำลังกายหรือผู้สูงอายุ
นอกจากนี้ การเดินยังช่วยลดความเครียดได้ดีมาก เพราะระหว่างเดิน ร่างกายจะหลั่ง “เอนดอร์ฟิน”
ฮอร์โมนแห่งความสุขที่ทำให้สมองปลอดโปร่งและอารมณ์ดีขึ้นแบบธรรมชาติ

สูตรออกกำลังกายที่ได้ผลจริง
- มือใหม่: เริ่มจากเดินเร็ววันละ 30 นาที ต่อเนื่อง 2 สัปดาห์
- ระดับกลาง: ลองสลับวิ่งช้า 1 นาที + เดินเร็ว 2 นาที
- คนเวลาน้อย: วิ่งหนัก 20 นาที ให้ผลใกล้เคียงกับเดินช้า 60 นาที
- เพื่อสุขภาพระยะยาว: ผสมวิ่ง 3 วัน + เดินระยะไกล 2 วัน/สัปดาห์

สิ่งที่ควรระวัง
- ห้ามวิ่งทันทีหลังอาหาร ควรรออย่างน้อย 1.5–2 ชั่วโมง
- เดินให้เร็วระดับ 100–120 ก้าวต่อนาที เพื่อให้หัวใจทำงานพอดี
- เลือกรองเท้าให้เหมาะกับกิจกรรม
• วิ่ง → ควรมีพื้นนุ่ม ซับแรงกระแทกดี
• เดิน → ควรมั่นคง พื้นรองเท้าแน่นและไม่ลื่น

สรุป: ไม่มีคำตอบตายตัว มีแต่ “ทางที่เหมาะกับคุณที่สุด”
การออกกำลังกายไม่ใช่การแข่งขัน แต่คือความสม่ำเสมอ
จะวิ่งหรือเดินก็ดีทั้งนั้น หากทำต่อเนื่อง ร่างกายจะปรับสมดุล แข็งแรง และอารมณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
สุขภาพดีไม่ใช่เรื่องเร่งรีบ — แค่เริ่ม “ก้าวแรก” ให้ได้ ก็ถือว่าชนะแล้ว

