วงการศัลยกรรมความงามปี 2025 เรียกได้ว่าคึกคักสุด ๆ ทั้งเทคโนโลยีใหม่ การรักษาที่ดูธรรมชาติขึ้น และกระแสรักสุขภาพที่ส่งผลต่อรูปหน้าโดยตรง ใครอยู่ในสายบิวตี้คงจะเห็นคำอย่าง filler, facelift, exosome โผล่เต็มฟีดกันทุกวัน ปีนี้เทรนด์หน้าไม่ได้เน้นแค่ความอ่อนเยาว์ แต่เน้นให้ “ดูดีแบบเป็นตัวเอง” มากกว่าเดิม
และนี่คือการไล่ดูแบบชัด ๆ ว่าอะไรมาแรง อะไรน่าโบกมือลา และอะไรที่ควรระวังให้มากที่สุดในปีนี้
1.การเติมวอลุ่มกลับมาเป็นพระเอกของปี
หลังคนจำนวนมากลดน้ำหนักเร็วจากยากลุ่มลดอยากอาหารอย่าง Ozempic ปัญหา “หน้าโทรม” หรือ Ozempic Face ก็เกิดขึ้นทันที เพราะน้ำหนักลด = ไขมันบนหน้าหายไปด้วย ทำให้หน้าดูแก่ลง โครงหน้าเหมือนยุบตัว
ปีนี้จึงเป็นยุคของการคืนวอลุ่ม ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ และการทำ fat grafting (เติมไขมันตัวเอง) เป้าหมายไม่ใช่สร้างหน้าแน่น แต่ให้แก้มกลับมาอิ่มฟูแบบธรรมชาติ ไม่หลอกตาและไม่เป็น “pillow face” แบบยุคก่อน

2. Facelift กลับมาอยู่บนชาร์ต—และเท่ากว่าเดิม
การดึงหน้าที่เคยถูกล้อว่าตึงจนแปลก ปีนี้กลับมาแรงแบบปัง เพราะเทคนิคใหม่ทำให้แผลเล็กลง ซ่อนได้ง่าย และผลลัพธ์เป็นธรรมชาติกว่าเดิมมาก
กลุ่มอายุ 40+ หันกลับมาทำเยอะ เพราะรู้แล้วว่า “ฟิลเลอร์ทำได้แค่เติม แต่ยกจริงไม่ได้” ขณะเดียวกันก็มีเทรนด์ mini-lift สำหรับวัย 30 ต้น ๆ ที่อยากชะลอความหย่อนคล้อยก่อนมันจะมา

3. นวัตกรรม “เวชศาสตร์ฟื้นฟูผิว” พุ่งแบบพีค
คำว่า stem cell, exosome, bio-based injectable กลายเป็นศัพท์ที่ได้ยินบ่อยมากในวงการความงามตอนนี้
เทคโนโลยีใหม่เน้นให้ร่างกาย “ซ่อมตัวเอง” แทนที่จะอาศัยสารเติมแต่งเพียงอย่างเดียว มีคลินิกหลายแห่งที่เริ่มเสนอการนำเซลล์ของผู้ใช้ไปสร้างสกินแคร์เฉพาะบุคคล เป็นเทรนด์ใหม่ที่ผสมระหว่างวิทยาศาสตร์และสกินเวลเนสเข้าไว้ด้วยกัน

4. เทรนด์ “สวยแบบธรรมชาติ” ชนะทุกสนาม
ยุคริมฝีปากบวม หน้าตึงจนขยับไม่ออก ผ่านไปแล้ว ปีนี้ความนิยมคือการทำให้หน้าดูเหมือนตัวเอง…แต่พักผ่อนเต็มอิ่ม
ศัลยแพทย์เน้นผลลัพธ์แบบ “ดูดีแบบไม่รู้ว่าทำอะไรมา” ซึ่งเป็นภาพที่เราเห็นในคนดังหลายคนช่วงนี้ หน้าดูสดใสขึ้นแต่ยังเป็นบุคลิกเดิม ไม่ใช่หน้าเปลี่ยนเป็นอีกคน
5. เทรนด์ที่หมอหลายคนไม่อยากให้ตาม
แม้กระแสใหม่จะดีขึ้น แต่ก็ยังมีด้านมืดของวงการที่ต้องระวัง
5.1 Medical Tourism ราคาถูกแต่เสี่ยง
การบินไปศัลยกรรมต่างประเทศราคาถูกยังมีให้เห็นเยอะ เพราะหลายที่โฆษณาว่า “คุ้มกว่า ถูกกว่า แถมเที่ยวได้” แต่ความจริงมีทั้งรูปผลงานปลอม ภาพก๊อป และการบริการหลังทำที่ไม่มีให้
หน้ามีหน้าเดียว พลาดทีแก้ยากมาก ต้องคิดดี ๆ
5.2 หน้า “ตึงเกินเหตุ” ยังมีให้เห็น
แม้เทรนด์ใหม่จะเน้นธรรมชาติ แต่ก็มีทั้งหมอและคนไข้ที่ยังย้ำให้ดึงจนตึงเกินไป จนหน้าเหมือน “ตกใจถาวร” การดึงหน้าให้ดีต้องอาศัยแพทย์ที่ละเอียดและเข้าใจโครงสร้าง ไม่ใช่ดึงให้สุด ๆ แล้วหวังว่าจะสวยเอง
5.3 ความสุดโต่งของศัลยกรรมยุคฟิลเตอร์
ศัลยกรรมแบบ “snatched เกินมนุษย์” เช่น fox eyes แบบดึงสุด ๆ หรือกรามทรงเอเลี่ยน ยังคงมีผู้ทำอยู่ แต่หมอเตือนว่าระยะยาวหน้าอาจผิดรูปเมื่อแรงโน้มถ่วงทำงาน

หน้าคนเรามีสัดส่วนธรรมชาติของตัวเอง หากพยายามดึงให้ฝืนธรรมชาติ ผลลัพธ์อาจไม่สวยอย่างที่คิด
