เคยไหมที่รู้สึกเสียดายอาหาร ไม่อยากทิ้งให้เสียดายของ เพราะคิดว่าหน้าตามันดูดีอยู่ ไม่น่าเสีย กินไปคงไม่เป็นไรหรอก หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีพฤติกรรมเสียดายของแบบนี้ บทความนี้จะทำให้ความคิดของคุณเรื่องการทานอาหารเปลี่ยนไปแน่นอน
คู่รักชาวไทยคู่หนึ่งที่ประกอบอาชีพขายผลไม้ที่ตลาด เริ่มมีอาการผิดปกติทั้งคู่ โดยฝ่ายชายบอกว่าเขารู้สึกเหนื่อยง่าย หอบ และมีอาการเจ็บแน่นบริเวณท้องด้านขวาบ่อยครั้ง ขณะที่ภรรยาน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว ทั้งที่ไม่ได้เปลี่ยนพฤติกรรมการกิน
ต่อมาพออาการเริ่มแย่ลงเรื่อย ๆ ทั้งคู่จึงตัดสินใจไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด
คุณหมอได้ออกมาเปิดเผยผลอัลตราซาวด์ของฝ่ายสามี พบว่าในตับมีก้อนเนื้อขนาด 6 ซม. ส่วนฝ่ายภรรยา แพทย์สามารถสังเกตความผิดปกติได้จากร่างกายภายนอกของเธอ เช่น ริมฝีปากคล้ำ ตาขาวมีสีเหลืองและผิวแห้ง และไม่ต่างจากฝ่ายสามี โดยตับของเธอก็มีก้อนเนื้อร้ายเช่นกัน แถมขนาดใหญ่กว่าของฝ่ายสามีด้วย
จากการซักประวัติของคู่สามีภรรยานี้ แพทย์ก็เข้าใจว่าทำไมผลอัลตราซาวด์ถึงออกมาเป็นเช่นนั้น นั่นเป็นเพราะพฤติกรรมการทานอาหารแบบประหยัดและไม่อยากทิ้ง กลัวเสียดายของ
อย่างที่รู้กันว่าพ่อค้าแม่ค้าผลไม้ก็จะซื้อผลไม้มากักตุนไว้ขายเป็นจำนวนมาก แต่วันใดที่ลูกค้าน้อยก็จะทำให้ผลไม้ที่เขาเอามาขายกันในตลาดเหลือเป็นจำนวนมาก และด้วยการอากาศที่ค่อนข้างจะร้อนอบอ้าวในตลาด ก็ยิ่งเป็นตัวกระตุ้นทำให้ผลไม้เกิดการเน่าเสียเร็วมากขึ้น
ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้สามีภรรยาคู่นี้รู้สึกเสียดายผลไม้ที่ขายไม่ออกและกำลังใกล้จะเน่าเสีย พวกเขาจึงเลือกที่จะตัดส่วนที่เสียหรือที่เป็นราทิ้งไป นำส่วนที่ยังดูดีอยู่เข้าไปเก็บไว้ในตู้เย็น และค่อย ๆ นำออกมาทานทีละน้อย
ทั้งนี้ทางแพทย์ได้กล่าวว่าผลไม้ที่เกิดการเน่าเสียจะปล่อยสารพิษจากเชื้อราที่เรียกว่า อะฟลาท็อกซิน (Aflatoxin) ออกมา พอกินเข้าไป สารพิษนี้จะแทรกซึมเข้าสู่เซลล์ตับและทำให้เกิดความเสียหายต่อตับอย่างรุนแรง สารนี้มีความเป็นพิษสูง ดูดซึมเพียง 1 มิลลิกรัมก็สามารถทำให้เกิดมะเร็งได้แล้ว และหากดูดซึมเข้าไป 20 มิลลิกรัม ภายในครั้งเดียวก็จะทำให้เสียชีวิตได้ในทันที
เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว คุณคงตระหนักได้ว่าพฤติกรรมการรับประทานอาหารส่งผลต่อร่างกายของเรามากเพียงใด อาหารที่เราเลือกหยิบใส่ปากจะเป็นสิ่งที่มีส่วนกระทบต่อร่างกายของเราโดยตรง ไม่มีใครมาบังคับคุณได้ว่าจะต้องทานหรือไม่ทานอะไร คุณคือคนที่กำหนดเองว่าตัวเองจะสุขภาพดีได้หรือไม่ อย่ารอให้ถึงวันที่ได้ยินข่าวร้ายเหมือนคู่สามีภรรยาสองคนนี้ล่ะ