“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ณ นาทีนี้เชื่อว่าคงไม่มีคนไทยคนไหนไม่รู้จักชื่อของชายคนนี้ จากสมรภูมิการเลือกตั้งที่ดุเดือดที่ผ่านไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 2566 จากจำนวนคนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งกว่า 52 ล้านคน มาจบเป็นบทสรุปว่า พรรคก้าวไกล ได้ชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ และคนที่จะขึ้นมาเป็นนายกคนที่ 30 ของเมืองไทยก็คือคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แต่อย่างที่เรารู้กันว่าเขาก็โดนนักร้อง หรือพี่ศรีสุวรรณจรรยา คนดีของเรานี่เอง ยื่นร้องต่อศาลว่าคุณพิธาขาดคุณสมบัติการเป็นส.ส.ตั้งแต่ต้นแล้ว เนื่องจากเข้าถือหุ้นในสื่อ itv สุดท้ายทำให้เขาต้องพลาดเก้าอี้นายกในครั้งนี้ ทำให้พรรคเพื่อไทย หรือคุณเศรษฐาทวีสินขึ้นมาเป็นนายกจำเป็นแทน
จากเด็กที่เคยเกเรจนถูกส่งไปดัดนิสัยที่ต่างประเทศ จนวันนี้เขาได้ก้าวเข้ามาในวงการการเมืองและเกือบจะได้ขึ้นเป็นนายกของคนไทย เรื่องราวที่น่าสนใจที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับคนที่ชื่อ ทิม–พิธาลิ้มเจริญรัตน์ จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
1.ไม่ใช่จีนแต้จิ๋ว ไม่ใช่จีนฮกเกี้ยน แต่ผมเป็นจีนไหหลำ
คนจีนเป็นชาติชาติหนึ่งที่อพยพไปตามประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วยที่มีประชากรเชื้อสายจีนมากกว่า 8 ล้านคน มีทั้งจีนแต้จิ๋ว จีนแคะ จีนไหหลำ จีนกวางตุ้งปะปนกันมากมาย คนจีนได้ชื่อว่าเป็นคนขยันทำมาหากิน หนักเอาเบาสู้ และเราทราบกันดีว่าในไทยเราก็มีเจ้าสัวที่มีเชื้อสายจีนที่มั่งคั่งร่ำรวยและมีชื่อเสียงอยู่หลายคน ไม่ว่าจะเป็นตระกูลบูลกุลที่เป็นเจ้าของเครือห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง หรือตระกูลจิราธิวัฒน์ เจ้าของเครือห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล นอกจากในแง่ทางเศรษฐกิจ ในแง่ทางการเมืองก็ยังมีคนไทยเชื่อสายจีนอีกมากที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เช่น คุณสนธิ ลิ้มทองกุล คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อาเฮียขวัญใจชาวด้อมส้มที่เป็นชาวไทยเชื้อสายจีนไหหลำ
2.ยอมรับว่าเคยเป็นเด็กเกเร
ใครจะไปคิดว่าส.ส.มาดเนียบสุขุม เข้าสภาแล้วขึ้นพูดด้วยเสียงอันนุ่มนวลจะเคยเป็นเด็กซ่ามาก่อน เกเรจนพ่อแม่ทนไม่ไหว ต้องขอส่งไปดัดนิสัยให้ไปเรียนต่อที่ประเทศนิวซีแลนด์ โดยเขาต้องไปอยู่อาศัยกับครอบครัวอุปถัมภ์ฐานะปานกลางในขณะที่มีอายุเพียง 11 ปีเท่านั้น
3.เคยทำเพลงและขึ้นปกนิตยสาร
นอกจากวงการธุรกิจและการเมืองแล้ว ใครจะไปคิดว่าหนุ่มคนนี้เคยแอบแวะเข้ามาในวงการบันเทิงด้วย โดยได้เข้าประกวดและติด 1 ใน 50 หนุ่มโสดในฝัน CLEO Most Eligible Bachelors ในปี 2551 ได้ขึ้นปก CLEO คู่กับมารีญาและโทนี่รากแก่น นอกจากนี้ในปี 2556 เขาก็ยังมีเพลงแนวโรแมนติกชื่อว่า “สายลม” ออกมาด้วย
4.ระดับการศึกษาที่ไม่เบา
ในระดับประถมศึกษา เขาเข้าศึกษาที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน จากนั้นได้ไปต่อในระดับมัธยมศึกษาที่ประเทศนิวซีแลนด์ ปริญญาตรีเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในคณะบริการธุรกิจ การเงิน การธนาคาร ภาคภาษาอังกฤษ และยังสามารถคว้าเกียรตินิยมอันดับหนึ่งด้วยมาได้ด้วย หลังจากจบปริญญาตรี ได้ทำงานอยู่หลายปีก่อนที่จะตัดสินใจไปศึกษาปริญญาโท ด้านการเมืองการปกครอง สาขาการบริหารภาครัฐที่ John F. Kennedy School of Government มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ควบคู่ไปกับปริญญาโท ด้านการบริหารธุรกิจ Sloan สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT)
5.โมเดล “กระดุม 5 เม็ด” สร้างชื่อในสภา
เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่าตอนเด็กเขาฝันอยากจะเป็นนักชีวภาพทางทะเล เพราะชอบไปเที่ยวทะเล โตขึ้นมาก็ฝันอยากเป็นทูต และเกือบจะได้ไปปักหลักทำงานที่นิวยอร์กในแวดวงธนาคาร แต่สุดท้ายก็เลือกเข้าสู่วงการการเมืองกับพรรคอนาคตใหม่ จากการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 24 มีนาคม 2562 เขาได้เป็นส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 4 และในเดือนกรกฎาคมปีเดียวกันนั้นเอง เขาก็เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นเนื่องจากได้ชูโมเดลที่น่าสนใจในเรื่องการเสนอแก้ราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ “กระดุม 5 เม็ด” นับเป็นโมเดลที่เจาะลึกไปที่ปัญหาโครงสร้างด้านภาคการเกษตรของไทย ทำให้เขาได้รับเสียงชื่นชมเป็นอย่างมากจากฝ่ายรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น พล.อ. อนุพงษ์เผ่าจินดารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายสมคิดจาตุศรีพิทักษ์รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ
6.จุดยืนทางการเมืองสมัยใหม่
จากการได้รับการศึกษาระดับสูง ทำให้เขามองเห็นปัญหาและความต้องการของคนไทยในสมัยปัจจุบันในวงกว้างได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เขาสนับสนุนการผ่านร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม สิทธิในการให้ที่ลี้ภัย การเกณฑ์ทหารแบบสมัครใจ การยกเลิกการผูกขาดและการกระจายอำนาจในเศรษฐกิจ เช่น สุราเสรี การเล็งเห็นทศวรรษที่สาบสูญไปของประเทศไทยทั้งในแง่ทางเศรษฐกิจและความเสื่อมถอยของประชาธิปไตยในช่วง 2557-2566 เนื่องจากมองว่ากองทัพไทยเข้ามามีอิทธิพลในด้านการเมืองพลเรือนมากเกินไป
