นักร้องลูกทุ่งหล่ออมตะ สำหรับ “ก๊อท จักรพันธ์ ครบุรีธีรโชติ” หรือชื่อเดิม จักรพรรณ์ อาบครบุรี ที่มีชื่อเสียงมาจากเพลงลูกทุ่ง และมีผลงานเพลงลูกทุ่งที่โด่งดังจำนวนมาก จนได้รับฉายาเจ้าชายลูกทุ่ง ออกอัลบั้มชุดแรก แม่ไม้เพลงไทย ในปี พ.ศ. 2533 ที่รวบรวมเพลงลูกทุ่งนั้นเอง
สำหรับ ก๊อท จักรพันธ์ มีคุณแม่เป็นชาว จ.นครราชสีมา และคุณพ่อเป็นชาวอเมริกัน มีอาชีพเป็นทหารย้ายมาประจำการที่ จ.นครราชสีมา จึงพบกับคุณแม่ ซึ่งขณะนั้นเป็นแม่ครัวในค่าย ทั้งคู่แต่งงานกันมีลูกด้วยกัน 4 คน ต่อมาคุณพ่อถูกเรียกตัวกลับสหรัฐอเมริกาตั้งแต่เขายังเด็กมาก โดยไม่มีรูปทิ้งไว้ เขาจึงจำหน้าไม่ได้ และคุณแม่ก็ไม่ย้ายไปด้วยตามคำชวน เพราะห่วงคุณยาย และเกรงมีปัญหาการปรับตัวเพราะด้อยการศึกษา รวมทั้งเพราะคุณพ่อต้องย้ายไปอีกหลายประเทศจึงขาดการติดต่อ ก๊อตจะเป็นเด็กเงียบ ๆ ชีวิตวัยเด็กลำบากมาก เพราะคุณแม่ยากจน มีลูก 4 คนอยู่บ้านเช่าทำงานรับจ้างได้ค่าแรงรายวันไม่มาก พี่สาวและพี่ชายได้เรียนแค่ชั้น ประถมศึกษาปีที่ 4 ก็ต้องออกมาทำงานหาเงิน
ใน พ.ศ. 2550 หลังจากอัลบั้มชุดที่ 4 “ก๊อต จักรพรรณ์ 4 เจริญ เจริญ” ได้เปลี่ยนชื่อเป็น ก๊อท จักรพันธ์ ครบุรีธีรโชติ เพราะถูกทักว่า เกิดวันศุกร์ไม่ถูกโฉลกกับ ร.เรือ หลายตัว ส่วนนามสกุลเปลี่ยนให้ความหมายดีขึ้นเป็น ครบุรีธีรโชติ แปลว่าเมืองแห่งความรุ่งเรืองของนักปราชญ์
มีช่วงหนึ่งดำเนินกิจการร้านอาหาร แต่เลิกกิจการไปเมื่อมีงานอัลบั้มต่อเนื่อง ก่อนผลิตอัลบั้ม “แทนความคิดถึง” และก่อนผลิตอัลบั้ม “แทนความผูกพัน 20 ปี หัวแก้วหัวแหวน” เขาได้พักผ่อนยาว ใช้เวลากับครอบครัว และใช้โอกาสนี้ปลูกบ้านใหม่ที่อยู่กับแม่และน้อง โดยดูแลการก่อสร้างทั้งหมดเอง
ล่าสุดเจ้าตัวได้นำเงินจากพวงมาลัย ที่บรรดาแฟนคลับแม่ยกมาคล้องให้ขณะขึ้นร้องเพลงไปทำบุญ โดย หนุ่มก๊อทได้โพสต์ภาพพร้อมแคปชั่นลงอินสตาแกรมส่วนตัวว่า ยอดเงินรางวัลที่แฟน ๆ มอบให้หน้าเวทีได้รับมาตามนี้นะครับ ได้เวลาส่งผ่านทำประโยชน์เพื่อสังคมแล้ว ถึงแม้ปีที่ผ่านมาจะรับงานจำนวนน้อย แต่ความรักที่แฟนคลับแฟนเพลงมอบให้ไม่เคยน้อยลงเลย จะผ่านเวลามากี่ปีจากครั้งแรกที่เราเจอกัน แฟน ๆ ยังคงติดตาม และให้กำลังใจผมอย่างต่อเนื่องเสมอมา คนที่ไม่ใช่พี่น้องเดียวกัน แต่รักผมได้ขนาดนี้ ผมโชคดีเหลือเกินที่ได้เกิดมาเจอแฟน ๆ ทุกคน ขอให้ความรักและสิ่งดี ๆ ที่มอบให้ผมนี้จงกลับไปหาแฟน ๆ เป็นร้อยเท่าพันเท่านะครับ วันนี้มอบเงินที่ได้รางวัลจากหน้าเวทีแล้วนะครับ จำนวนเงินหนึ่งล้านบาท โดยแบ่งเป็น 2 มูลนิธิคือ 1. ศิริราชมูลนิธิ 2. รพ.จุฬาภรณ์